แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ATM แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ATM แสดงบทความทั้งหมด

ไม่ทิ้งสลิปเอทีเอ็ม ! กันเถอะ

จั่วหัวขึ้นมาแบบนี้ หลาย ๆ คนคงจะจำกันได้ว่าช่วงหนึ่งมีข่าวครึกโครมเรื่องที่คนร้ายสามารถที่จะแกะรอยจากสลิปเอทีเอ็มที่โดนทิ้งอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่าง ๆ


เพราะในสลิปเอทีเอ็มแต่ละใบจะมีข้อมูลสำคัญ ๆ เช่น

1 . โลโก้และชื่อธนาคารเจ้าของตู้
2 . วันที่ (DATE) เวลา (TIME) ที่ตั้งของตู้เอทีเอ็ม (LOCATION แสดงเป็นรหัส)
3. ลำดับที่ใช้บริการ (RECORD NO. / SEQ.)
4. ชื่อธนาคารผู้ออกบัตร (ISSUER BANK)
5. ประเภทบริการที่ใช้ เช่น ถอน (WITHDRAWAL) โอน (ORFT TRANSFER)
6. เลขที่บัญชีเงินฝากที่ถอน/โอน (FROM A/C)
7. เลขที่บัญชีเงินฝากผู้รับโอน (TO A/C)
8. จำนวนเงินที่ทำรายการ (AMOUNT)
9. ยอดเงินคงเหลือ (BALANCE)
10 . ค่าธรรมเนียม (FEE)



และที่สำคัญนอกจากการป้องกันข้อมูลส่วนตัวแล้ว สิ่งหนึ่งคือ ความสกปรกหน้าตู้ หน้าธนาคารต่าง ๆ ซึ่งเห็นได้เกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าในเมืองใหญ่ ๆ หรือตามชานเมือง หรือต่างจังหวัด

ส่วนตัวนี่ก็ยังไม่เข้าใจว่า ในเมื่อมีเมนูที่สามารถดูยอดเงินคงเหลือโดยไม่ต้องปริ้นต์สลิปออกมา แถมบางธนาคารก็ยังมีเมนูถามด้วยว่าต้องการรับสลิปหรือไม่ บางคนก็ยังกดออกมาแล้วก็ทิ้ง เฮ้อ.....

อยากให้ฝึกเป็นนิสัย เลือกที่จะไม่รับสลิป (ถ้าไม่ต้องการเก็บหริอนำไปใช้เป็นหลักฐาน) และดูรายละเอียดการทำธุรกรรมผ่านหน้าจอตู้เอทีเอ็ม ช่วยประหยัดกระดาษ รักษาข้อมูลส่วนตัว ช่วยรักษาทรัพยากรเพื่อโลกของเรา

ติดตามอ่านได้อีกช่องทางที่ blogdit  > ไม่ทิ้งสลิปเอทีเอ็ม ! กันเถอะ

บัตรเดบิต (Debit) จะหมดอายุ ทำไงดี?

          ปกติก็ใช้บัตรเดบิตอยู่หลายะนาคาร แต่ส่วนมากก็ไม่ทันได้หมดอายุซักที หายบ้าง ชำรุด แถบแม่เหล็กไม่อ่านบ้าง แต่ครั้งนี้มีอยู่ใบหนึ่งใช้จนมันจะหมดอายุ จริงๆก็ไม่ได้จำได้หรอครับ แต่ว่าพอก่อนจะหมดอายุซักเดือนนึง พอเราไปกดเงินที่ตู้ อย่างบัตรนี้ผมใช้ของกรุงไทย มันก็จะขึ้นเตือนที่หน้าจอ ATM ขึ้นมาให้เราไปติดต่อธนาคารเพื่อทำบัตรใหม่ 


           วันหมดอายุของบัตร VISA Debit ดูได้จากบริเวณด้านหน้าบัตร ตรงส่วน VALID THRU อย่างของผมใบนี้ก็จะเป็นเดือน 12 (ธันวาคม) ปี 2013  ตอนแรกก็ไม่รู้ คิดว่าสามารถเอาไปเปลี่ยนได้เลย เพราะเรามีบัญประชาชนและหมายเลขบัญชีอยู่ แต่ไม่ใช่ครับ พอไปถึงธนาคาร เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เราต้องเอาสมุดบัญชี บัตรใบเก่า และบัตรประชาชน ไปด้วยเพื่อตรวจสอบ

           วันนั้นจึงเสียเวลาไปครับ เจ้าหน้าที่บอกว่า ไปทำสาขาไหนก็ได้ครับเพื่อออกบัตรใบใหม่ โดยถ้าเป็นประเภทเดิมจะไม่เสียค่าธรรมเนียมครับ แต่ถ้าเป็นประเภทอื่นๆจะมีค่ารายปี + ค่าออกบัตรใหม่ ตามประเภทบัตรนั้นๆครับ หลังจากไปทำบัตรใหม่ ก็ได้มาดังรูป

          บัตรเดิมของผมเป็น KTB Shop Smart Gold แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีแล้ว เป็นรูปแบบใหม่ คือ  บัตร KTB Shop Smart Crystal Card เป็นบัตรที่จะเข้ามาทดแทนบัตร KTB Shop Smart Gold ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่คุณลูกค้าจะได้จะเหมือนกับ KTB Shop Smart Gold ซึ่งมีค่าธรรมเนียมดังนี้

-ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 150 บาท (อันนี้ผมเปลี่ยนบัตรเพราะหมดอายุ ไม่ต้องจ่าย)
-ค่าธรรมเนียมรายปี 250 บาท ( อันนี้พึ่งเก็บไป ไม่ต้องจ่าย

          พอมาดูบัตรใหม่ มันก็สวยดีนะครับ แต่ผมว่าแบบเก่าที่เป็น Smart Gold ดูดีกว่าแบบนี้ แต่คุณสมบัติเหมือนกัน ก็ OK ส่วนใครสนใจผมไปหารายละเอียดมาเพิ่มจาก http://www.ktbdebit.ktb.co.th/visadebitcard.jsp?id=24 ได้ดังนี้ครับ 

สิทธิประโยชน์/จุดเด่น
  • เป็นบัตรเดบิต ที่ใช้บริการเบิกถอนเงินสด / โอนเงิน
  • การใช้บริการบัตรเดบิตสามารถใช้กับตู้ ATM / เครื่อง EDC ของธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารอื่นๆ ใน POOL
  • ถอนเงินสดที่เครื่อง ATM ได้ทั่วโลก (เฉพาะตู้ ATM ที่มีเครื่องหมาย VISA)
  • เช็คค่าใช้จ่ายได้ง่ายๆ ไม่มีพลาด ด้วยใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายประจำเดือนจากระบบ KTB Online ของธนาคาร
  • อิสระในการใช้เงิน โดยสมาชิกสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ด้วยตนเอง ช่วยให้ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
  • ความสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวคราวละมากๆ เหมือนมีธนาคารส่วนตัวเคลื่อนที่อยู่ในมือ
  • ได้รับความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
     
เงื่อนไขการรับผลประโยชน์
  • ความคุ้มครอง ได้รับความคุ้มครอง การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ หรือ ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ ยกเว้นผู้ขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ทั่วโลก 24 ชั่วโมง
  • จำนวนเงินเอาประกัน บัตรละ 100,000 บาท ในกรณีผู้ถือบัตรมากกว่า 1 บัตร ค่าสินไหมทดแทนที่ผู้รับประโยชน์จะได้รับไม่เกิน 200,000 บาทต่อคน และในกรณีที่มีผู้ถือบัตร 2 คนใน 1 บัตรหรือ 1 บัญชี จำนวนอาประกันสูงสุดต่อบัตร ต่อคนคือ 50,000 บาท
  • ผู้ได้รับความคุ้มครอง ผู้ถือบัตร ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และไม่เกิน 90 ปีบริบูรณ์
    • อายุ 15 ปี – 80 ปี บริบูรณ์ คุ้มครอง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • อายุ 81 – 90 ปีบริบูรณ์ คุ้มครอง คุ้มครอง 50 % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  • ระยะเวลาเอาประกัน 1 ปี และต่ออายุคราวละ 1 ปี จนกว่าจะมีการบอกเลิกกรมธรรม์
หมายเหตุ: ผู้ถือบัตรทุกประเภทของธนาคารในปัจจุบัน ระบบกำหนด วงเงินหรือวงเงินที่ต้องการใช้จ่ายต่อวัน ตามสิทธิ์ในบัตรเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง (บัตร Classic = 50,000 บาท/วัน สำหรับบัตร Gold = 150,000 บาท/วัน) หากผู้ถือบัตรต้องการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงิน
สามารถแจ้งเปลี่ยนได้ที่สาขาเจ้าของบัตร หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารกรุงไทย 1551
อัตราค่าธรรมเนียม
  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 150 บาท
  • ค่าธรรมเนียมรายปี 250 บาท
     
เอกสารเพื่อการเปิดบัญชี
  • บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ


Advertisement