หากบริษัทของท่านเป็นองค์กรขนาดใหญ่
ดำเนินการด้านธุรกิจการกวดวิชาทุกระดับชั้นตั้งแต่ มัธยมต้น มัธยมปลาย
จนถึงระดับมหาวิทยาลัย มีหลายสาขาทั่วประเทศ และมีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจกวดวิชาในโลกออนไลน์ ท่านคิดว่าเทคโนโลยีสารสนเทศดังต่อไปนี้
สามารถสนับสนุนธุรกิจของท่านอย่างไรในเชิงกลยุทธ์
1.
Web
service
2.
Cloud
computing
3.
Knowledge
Management
ค่านิยมในการเรียนกวดวิชาของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
มัธยมตอนปลายจนถึงระดับมหาวิทยาลัย
ส่งผลให้ธุรกิจกวดวิชาเติบโตและมีมูลค่าตลาดสูง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิจัยไว้ว่า “
ประมาณการมูลค่าตลาดธุรกิจกวดวิชาในปี 2556 ไว้ที่ประมาณ 7,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555
ที่มีมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท และจะเติบโตไปสู่
8,189 ล้านบาทในปี 2558 หรือเติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ
5.4 ต่อปี
โดยคาดว่าจะมีปัจจัยหนุนมาจากการเพิ่มราคาค่าเรียนต่อหลักสูตรและจำนวนนักเรียนที่เรียนกวดวิชาเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ความท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจกวดวิชาในอนาคต ได้แก่ ทางเลือกของนักเรียนในการเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่มากขึ้น
ทั้งการเปิดหลักสูตรภาคพิเศษและหลักสูตรนานาชาติของมหาวิทยาลัยรัฐบาล
การยกระดับคุณภาพของมหาวิทยาลัยเอกชน
รวมถึงการจัดกิจกรรมการตลาดของผู้ผลิตสินค้าในรูปแบบการเปิดติววิชาต่างๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
เนื่องจากทางบริษัทของเราเป็นองค์กรขนาดใหญ่
ในการดำเนินการด้านธุรกิจการกวดวิชาทุกระดับชั้นตั้งแต่ มัธยมต้น มัธยมปลาย
จนถึงระดับมหาวิทยาลัย มีหลายสาขาทั่วประเทศ และมีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจกวดวิชาในโลกออนไลน์ เราจะสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศดังต่อไปนี้ เช่น Web service ,
Cloud computing และ Knowledge Management มาสนับสนุนธุรกิจในเชิงกลยุทธ์ ได้ดังนี้
1.Web Service
Web Service เป็นระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านระบบเครือข่าย โดยมี XML เป็นเครื่องมือสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ด้วยเหตุนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ , Smartphone , iPad , iPhone , Android , Tablet และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งสนันสนุนการทำงานกับ Web Service จึงสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ ผ่านระบบเครือข่ายที่อุปกรณ์นั้นๆ เชื่อมต่อกันอยู่ ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานของ web service
1.Web Service
Web Service เป็นระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านระบบเครือข่าย โดยมี XML เป็นเครื่องมือสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ด้วยเหตุนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ , Smartphone , iPad , iPhone , Android , Tablet และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งสนันสนุนการทำงานกับ Web Service จึงสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ ผ่านระบบเครือข่ายที่อุปกรณ์นั้นๆ เชื่อมต่อกันอยู่ ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานของ web service
รูปที่
1. ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานของ web
service
ที่มาภาพ: http://www.9experttraining.com/sites/default/files/content_types/training_course/web-service-2.jpg
ที่มาภาพ: http://www.9experttraining.com/sites/default/files/content_types/training_course/web-service-2.jpg
เทคโนโลยี web service สามารถสนับสนุนธุรกิจการกวดวิชา คือ
1.เป็น Open Standard ง่ายในการพัฒนาโปรแกรม โดยการ implement Web Services
2.พันธมิตรทางการค้าสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยการค้นหาจาก UDDI
3. การดำเนินธุรกิจการค้าและบริการสามารถเป็นไปได้แบบอัตโนมัติในระดับของ Application to Application (A2A) โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทาง Web Services
4. Web Services สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจตามเฟรมเวิร์คของ ebXML
1.เป็น Open Standard ง่ายในการพัฒนาโปรแกรม โดยการ implement Web Services
2.พันธมิตรทางการค้าสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยการค้นหาจาก UDDI
3. การดำเนินธุรกิจการค้าและบริการสามารถเป็นไปได้แบบอัตโนมัติในระดับของ Application to Application (A2A) โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทาง Web Services
4. Web Services สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจตามเฟรมเวิร์คของ ebXML
5.ง่ายต่อการนำไปใช้งานเนื่องจากในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ใช้ช่วยเหลือในการพัฒนา
Web Services
6.ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบบางอย่างที่ไม่จำเป็นโดยขอบริการจาก Web Services ของพันธมิตรทางการค้า
7. การพัฒนาประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างองค์กรและการทำงานเป็นทีม เพื่อให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมีทิศทางในการดำเนินการเดียวกัน (Direction) การดำเนินการอย่างรวดเร็ว (Speed) การดำเนินงานอย่างโปร่งใส (Transparency) และความรับผิดชอบ (Responsibility)
8. สาขาต่างๆมีการเรียกใช้ข้อมูลจากสาขาอื่นๆ เป็นเครื่องมือหรือรูปแบบการทำงานขององค์กร ในกรอบการบริหารแบบบูรณาการ
9. ง่ายต่อการนำไปใช้งานเนื่องจากในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ใช้ช่วยเหลือในการพัฒนา Web Services เนื่องจากรูปลักษณ์รูปแบบในการใช้งาน เหมือนหรือใกล้เคียงกัน ในทุกๆเครื่องมือ เนื่องจากเครื่องมือต่างๆ ดึงข้อมูลไปจาก Web Service เดียวกัน ทำให้ผู้ใช้มีความคุ้นเคยใช้งานได้ง่ายๆ กับทุกๆ เครื่องมือ
10. ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบบางอย่างที่ไม่จำเป็น
6.ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบบางอย่างที่ไม่จำเป็นโดยขอบริการจาก Web Services ของพันธมิตรทางการค้า
7. การพัฒนาประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างองค์กรและการทำงานเป็นทีม เพื่อให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมีทิศทางในการดำเนินการเดียวกัน (Direction) การดำเนินการอย่างรวดเร็ว (Speed) การดำเนินงานอย่างโปร่งใส (Transparency) และความรับผิดชอบ (Responsibility)
8. สาขาต่างๆมีการเรียกใช้ข้อมูลจากสาขาอื่นๆ เป็นเครื่องมือหรือรูปแบบการทำงานขององค์กร ในกรอบการบริหารแบบบูรณาการ
9. ง่ายต่อการนำไปใช้งานเนื่องจากในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ใช้ช่วยเหลือในการพัฒนา Web Services เนื่องจากรูปลักษณ์รูปแบบในการใช้งาน เหมือนหรือใกล้เคียงกัน ในทุกๆเครื่องมือ เนื่องจากเครื่องมือต่างๆ ดึงข้อมูลไปจาก Web Service เดียวกัน ทำให้ผู้ใช้มีความคุ้นเคยใช้งานได้ง่ายๆ กับทุกๆ เครื่องมือ
10. ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบบางอย่างที่ไม่จำเป็น
2.
Cloud computing
Cloud Computing (การประมวลผลแบบก้อนเมฆ )คือ การพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่มีการประมวลผลอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งคำว่าก้อนเมฆนั้นเป็นอุปมาของระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการที่มีการวาดรูประบบอินเทอร์เน็ตด้วยรูปก้อนเมฆ รูปแนวคิดของ Cloud computing ดังรูปที่ 2
Cloud Computing (การประมวลผลแบบก้อนเมฆ )คือ การพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่มีการประมวลผลอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งคำว่าก้อนเมฆนั้นเป็นอุปมาของระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการที่มีการวาดรูประบบอินเทอร์เน็ตด้วยรูปก้อนเมฆ รูปแนวคิดของ Cloud computing ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2 แนวคิดของ Cloud computing
ที่มาภาพ : http://www.slideshare.net/imcinstitute/cloud-computing-19987871
การเชื่อมต่อของระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นการซ่อนโครงสร้างซับซ้อนที่อยู่ภายในของระบบอินเทอร์เน็ตการประมวลผลแบบก้อนเมฆ
เป็นรูปแบบของการประมวลผลที่ความสามารถในการทำงานต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสารสนเทศจะมีการจัดสรรในรูปแบบของบริการ (as a service) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ
จากระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องมีความรู้หรือความเชี่ยวชาญหรือมีความสามารถในการควบคุมโครงสร้างทางเทคโนโลยีที่ให้บริการแก่ผู้ใช้งาน
ซึ่งข้อมูลสารสนเทศจะถูกเก็บบันทึกบนเครื่องแม่ข่ายบนระบบอินเทอร์เน็ต
และมีการสำรองไว้ชั่วคราวในรูปแบบของแคช (cache) บนเครื่องลูกข่ายซึ่งได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุค
อุปกรณ์พกพา โทรศัพท์มือถือ และอื่น ๆ
เทคโนโลยี
Cloud
computing สามารถสนับสนุนธุรกิจการกวดวิชา คือ
1. ในด้านการจัดทำและใช้งานระบบ การจัดสร้างและการใช้งานระบบ Application ต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาน้อย ยืดหยุ่นในการใช้บริการ สามารถปรับเพิ่ม – ลด Resource
บน Cloud ได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องวุ่นวายเรื่องระบบ
และไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ Hardware เพิ่มเติม
2. ในด้านการลงทุน
มีค่าใช้จ่ายและใช้งบประมาณในการจัดทำระบบต่ำ
3. ในด้านการใช้งานระบบ
การใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยผ่าน Internet ซึ่งมีข้อจำกัดด้านพื้นที่น้อย
และสามารถใช้อุปกรณ์ลักษณะต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น Mac ,
Windows PC , Desktop computer , Laptop
,Touch screen , iPhone, iPad
,iPod Touch ,Android phones, Android tablets, Blackberry devices,Windows Phone เป็นต้น
4. ในด้านการปรับปรุงระบบ
สามารถจัดทำโปรแกรมเสริมหรือเพิ่มเติมขึ้นเองได้โดย Provider ที่ให้เราเช่าใช้พื้นที่ และสามารถเลือกใช้บริการเสริม เช่น
Additional Storage 200 บาท / 50 GB / เดือน
ค่า Public IP address 200 บาท / IP address / เดือน
Additional Storage 200 บาท / 50 GB / เดือน
ค่า Public IP address 200 บาท / IP address / เดือน
5. หากต้องการใช้ Public cloud ก็ยังมีบริการฟรีของที่อื่นๆ
ที่เราสามารถจะแชร์ข้อมูลให้กับนักเรียน หรือสาขาอื่นๆๆในการใช้งานได้
รูปที่ 3 แสดงตัวอย่าง Public Cloud
ที่มาภาพ : http://www.slideshare.net/imcinstitute/cloud-computing-19987871
6. มีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องกังวลเรื่องระบบล่ม
หรือกลัวการโดนแฮกเกอร์เข้ามาป่วน ระบบ Cloud ให้มีความปลอดภัยสูงโดยใช้ระบบ
Firewall, Backup และระบบความปลอดภัยที่ได้รับมาตรฐานสากล
3.
Knowledge Management
การจัดการความรู้
(Knowledge Management :
KM) คือ
การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในส่วนราชการซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสาร
มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้
และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด โดยที่ความรู้มี 2 ประเภท คือ
1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์
พรสวรรค์หรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ
เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น
ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง
จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม
2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม
ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง
ๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม
ในยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทกับสังคม สถาบันการศึกษาก็เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่ให้ความสำคัญ
ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนกวดวิชา ในส่วนของระบบศึกษาจึงต้องเน้นในเรื่องการจัดการความรู้
(Knowledge Management) มากกว่าเน้นการจัดการสารสนเทศ (Management
of Information Technology) เพื่อที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายของการเป็นแหล่งองค์ความรู้และองค์กรในการถ่ายทอดความรู้
สถาบันการศึกษาสามารถ นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้
เพื่อบรรลุเป้าหมายได้หลายรูปแบบ เช่น การใช้เทคโนโลยีเว็บในการเผยแพร่ความรู้ Search
Engine ใน
การค้นหาข้อมูลที่ต้องการระบบฐานข้อมูลในการเก็บองค์ความรู้
ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนต์ในการถ่ายทอดความรู้ทางไกล ในปัจจุบันมีสถาบันการศึกษา
หลายแห่งนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยสนับสนุนในโครงการต่าง ๆ เช่น eUniversity,
eLibrary, eClassroom, eLearning หรือ Itcampus เป็นต้น ฐานข้อมูลสำหรับอ้างอิงที่เป็นประโยชน์อย่างมากในการเรียนและวิจัย
เทคโนโลยี Knowledge Management
สามารถสนับสนุนธุรกิจการกวดวิชา คือ
1.
เพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและความอยู่รอดและสามารถแข่งขันกับสถาบันกวดวิชาอื่นๆได้
และเป็นการลงทุนทางทรัพยากรบุคคล
การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันการเรียนรู้ร่วมกัน
2. ป้องกันการสูญหายของภูมิปัญญา ในกรณีที่บุคลากรเกษียณอายุ ลาออก หรือเสียชีวิต
3. เป็นการลงทุนในต้นทุนมนุษย์ ในการพัฒนาความสามารถที่จะแบ่งปันความรู้ที่ได้เรียนรู้มาให้กับคนอื่นๆ ในองค์กร และนำความรู้ไปปรับใช้กับงานที่ทำอยู่ให้เกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นเป็นการ พัฒนาคนและพัฒนาองค์กร
4. ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการตัดสินใจและวางแผนดำเนินงานให้รวดเร็ว และดีขึ้น เพราะมีสารสนเทศ หรือแหล่งความรู้เฉพาะที่มีหลักการ เหตุผลและน่าเชื่อถือช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ
2. ป้องกันการสูญหายของภูมิปัญญา ในกรณีที่บุคลากรเกษียณอายุ ลาออก หรือเสียชีวิต
3. เป็นการลงทุนในต้นทุนมนุษย์ ในการพัฒนาความสามารถที่จะแบ่งปันความรู้ที่ได้เรียนรู้มาให้กับคนอื่นๆ ในองค์กร และนำความรู้ไปปรับใช้กับงานที่ทำอยู่ให้เกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นเป็นการ พัฒนาคนและพัฒนาองค์กร
4. ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการตัดสินใจและวางแผนดำเนินงานให้รวดเร็ว และดีขึ้น เพราะมีสารสนเทศ หรือแหล่งความรู้เฉพาะที่มีหลักการ เหตุผลและน่าเชื่อถือช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ
5.
ผู้บังคับบัญชาสามารถทำงานเชื่อมโยงกับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ช่วยเพิ่มความกลมเกลียวในหน่วยงานหรือระหว่างสาขาในโรงเรียนกวดวิชาด้วยกัน
6. เมื่อพบข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงาน ก็สามารถหาวิธีแก้ไขได้ทันท่วงที
7. แปรรูปความรู้ให้เป็นทุน ซึ่งเป็นการสร้างความท้าทายให้องค์กรผลิตสินค้าและบริการจากความรู้ที่มี เพื่อเพิ่มคุณค่า และรายได้ให้กับองค์กร
8. เพื่อการสร้างสรรค์ เปลี่ยนวัฒนธรรม จาก วัฒนธรรมอำนาจ / แนวดิ่ง สู่ วัฒนธรรมความรู้ / แนวราบ
9. การจัดการความรู้ช่วยให้องค์กรมีความเข้าใจลูกค้า แนวโน้มของการตลาด และการแข่งขันทำให้เพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับสถาบันอื่นๆที่เป็นคู่แข่งขันในตลาด
10. การพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาเป็นการพัฒนาความสามารถขององค์กรในการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ เป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ การนำการจัดการความรู้มาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและบริการ
11. การบริหารลูกค้า การศึกษาความสนใจและความต้องการของลูกค้าจะเป็นการสร้างความพึงพอใจและเพิ่มยอดนักเรียนในสถาบันกวดวิชาได้
6. เมื่อพบข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงาน ก็สามารถหาวิธีแก้ไขได้ทันท่วงที
7. แปรรูปความรู้ให้เป็นทุน ซึ่งเป็นการสร้างความท้าทายให้องค์กรผลิตสินค้าและบริการจากความรู้ที่มี เพื่อเพิ่มคุณค่า และรายได้ให้กับองค์กร
8. เพื่อการสร้างสรรค์ เปลี่ยนวัฒนธรรม จาก วัฒนธรรมอำนาจ / แนวดิ่ง สู่ วัฒนธรรมความรู้ / แนวราบ
9. การจัดการความรู้ช่วยให้องค์กรมีความเข้าใจลูกค้า แนวโน้มของการตลาด และการแข่งขันทำให้เพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับสถาบันอื่นๆที่เป็นคู่แข่งขันในตลาด
10. การพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาเป็นการพัฒนาความสามารถขององค์กรในการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ เป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ การนำการจัดการความรู้มาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและบริการ
11. การบริหารลูกค้า การศึกษาความสนใจและความต้องการของลูกค้าจะเป็นการสร้างความพึงพอใจและเพิ่มยอดนักเรียนในสถาบันกวดวิชาได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น