แต่เนื่องจากเมื่อก่อน เป็นระบบเขียนบนบัตรที่เป็นกระดาษ ข้อมูลต่างๆบางครั้งที่เราไปบริจาคทีอื่นที่ไม่ใช่ของสภากาชาดไทย หรือโรงพยาบาลใหญ่ๆ ก็จะไม่ได้บันทึกเข้าในระบบ ดังนั้นของผมมันจึงหายไปจากครั้งที่ 20 กว่าต้องมานับครั้งล่าสุดที่เป็นครั้งที่ 8 แล้วมาเริ่มนับเป็นครั้งที่ 9 เมื่อ มกราคม 2554
แต่บทความนี้ที่จะมาเล่าให้ฟังก็คือ การบริจาคเกล็ดโลหิต ซึ่งจะเขียนตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาส หลังจากเมื่อวานซืน พึ่งไปบริจาคมาสดๆ ร้อนๆ ก็เลยถือโอกาสนี้นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ
ขั้นนแรกผมขอเอาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคนที่จะบริจาคเกล็ดโลหิต คือ
การบริจาคเกล็ดโลหิต (Single Donor Platelets) จะไม่เปิดรับทั่วๆ ไป เหมือนการรับบริจาคโลหิต เพราะก่อนการบริจาคเกล็ดโลหิต จะขอเจาะโลหิตไปตรวจนับจำนวนเกล็ดโลหิตก่อน ซึ่งต้องมีจำนวนเกล็ดโลหิตมากกว่า 250,000 ตัว/ลูกบาศก์มิลลิลิตร เพราะการรับบริจาคเกล็ดโลหิตจะกระทำโดย ใช้เครื่องรับบริจาคโลหิตอัตโนมัติ โดยจะแยกเฉพาะเกล็ดโลหิตไว้เท่านั้น และมีระยะเวลาในการบริจาคค่อนข้างนาน ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ผู้บริจาคเกล็ดโลหิตไปแล้ว หลังจากนั้น 1 เดือน ก็สามารถบริจาคโลหิตได้ตามปกติ
ข้อกำหนดพิเศษสำหรับผู้บริจาคเกล็ดโลหิต
- มีอายุ 18-50 ปี น้ำหนัก 55 กก.ขึ้นไป
- หมู่โลหิตจะต้องตรงกับผู้ป่วยที่ต้องการเกล็ดโลหิต
- เส้นโลหิตตรงข้อพับแขนชัดเจน
- เป็นผู้บริจาคโลหิตประจำสม่ำเสมอทุก 3 เดือนติดต่อกัน 3-4 ครั้ง
- มีจำนวนเกล็ดโลหิต 2.5 แสนตัว/ลูกบาศก์มิลลิลิตร (โดยก่อนบริจาคเกล็ดโลหิตจะขอเจาะโลหิตเพื่อตรวจนับจำนวนเกล้ดโลหิตก่อน)
เมื่อครบกำหนดบริจาคโลหิตครั้งต่อไป กรุณาติดต่อ ห้องรับบริจาคพลาสมาและเกล็ดโลหิต เพื่อให้เจ้าหน้าที่คัดกรองคุณสมบัติ ว่าสามารถบริจาคเกล็ดโลหิตได้หรือไม่
หมายเหตุ ** ในกรณีที่ เจ้าหน้าที่คัดกรอง เห็นว่าผู้บริจาคโลหิตมีคุณสมบัติ ที่จะเข้าร่วมโครงการได้ ก็สามารถปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ตามขั้นตอนได้
นั่นคือความหมายและขั้นตอนของการบริจาคเกล็ดโลหิตครับ ทีนี้มาดูว่าขั้นตอนที่ไป และบรรยากาศในการบริจาคเกล็ดโลหิตเป็นยังไงบ้าง
ครั้งนี้ก็ปกติครับ ครบกำหนด 1 เดือนหลังจากบริจาคเกล็ดโลหิตครั้งที่แล้ว ก็ไปที่ศูนย์บริจาคโลหิต สภากาชาดไทย ตรงถนนอังรีดูนังต์ หน้าประตูก็จะมีบอกเวลาทำการในการรับบริจาค
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็จะมีป้ายแนะนำสำหรับคนที่มาครั้งแรก อาจจะงงๆ แต่ถ้าบางวันก็จะมีน้องๆ จิตอาสามาค่อยแนะนำให้ครับ
อันนี้เป็นขั้นตอนการบริจาคโลหิต
- กรอกแบบฟอร์มบริจาคโลหิต
- คัดกรองผู้บริจาคโลหิต
- ลงทะเบียนผู้บริจาคโลหิต
- บริจาคโลหิต (ชั้น 2) บริจาคเฉพาะส่วนประกอบโลหิต ชั้นล่าง ก็คือที่ที่เราจะบริจาคเกล็ดเลือดนั่นเอง ถ้าเดินเข้าไปก็จะอยู่เป็นห้องกระจก ทางด้านขวามือ
ปกติถ้าคนที่บริจาคเกล็ดเลือดไม่เยอะ ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาสอบถามเราว่า บริจาคเลือดไปกี่ครั้งแล้ว ถ้าเกิน 3 ครั้งต่อเนื่อง ก็จะสามารถบริจาคเกล็ดโลหิตได้ ถ้าเราสนใจเจ้าหน้าที่ก็จะขอบัตรเราไปดูประวัติ ถ้าผ่านก็จะขอเจาะเลือดเพื่อไปตรวจจำนวนเกล็ดโลหิต ซึ่งจะต้องมากกว่า 2.5 แสนตัว/ลูกบาศก์มิลลิลิตร
ขั้นแรกเราก็กรอกใบขอบริจาคให้เรียบร้อย ก็ไม่มีอะไรมากกรอกไปตามความจริง เพราะถ้าเรากรอกไม่จริงไป เช่นถามว่ากินยาแอสไพรินมาไหม ถ้าเราบอกไม่กิน แต่ที่จริงเรากินมา พอเค้าเจาะเลือดเราไป มันก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยทั้งผูบริจาค และผู้รับบริจาคเราก็จำเป็นที่จะต้องกรอกข้อมูลเป็นจริงที่สุดครับ
และสำหรับการบริจาคเกล็ดโลหิต อย่ากินของอาหารที่มีไขมันเยอะไป เช่นพวกไข่เจียว ไข่เค็ม ปาท๋องโก๋ และอีกหลายอย่าง พอตรวจเลือดมา มันจะขุ่น ทำให้บริจาคเกร็ดเลือดไม่ได้ ส่วนถ้าไปบริจาคเลือด ก็จะได้ไปไม่สมบูรณ์ 100 % จะต้องทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ครับ
ตัวอย่างอาหารที่มีผลต่อไขมันในเลือด
ถ้าเราจะบริจาคเลือดธรรมดา ก็ไปขั้นที่ ก็ไปขั้นตอนที่ 2 เพื่อเข้าพบแพทย์ แต่ถ้าต้องการบริจาคเกล็ดโลหิต ก็เดินไปทางขวามือ จะเป็นห้องสำหรับบริจาคเกล็ดโลหิตและส่วนผสมเลือดอื่นๆ เพื่อให้เค้าเจาะเอาเลือดเราไปวัดจำนวนเกล็ดโลหิต รอไม่นานครับไม่ถึง 10 นาที ถ้าผ่านเค้าก็จะแนบใบไปกับใบขอบริจาคของเรา จากนั้น ขั้นตอนต่อไปก็กดบัตรคิว รอพบแพทย์
ในขั้นตอนการพบแพทย์ ถ้าเรามาบริจาคเลือดธรรมดา ก็ต้องโดนเจาะเลือดเพื่อตรวจความเข้มข้นของเลือดว่าเลือดเราลอยหรือเปล่าและก็ตรวจกรุ๊ปเลือดไปพร้อมๆกัน แต่ถ้าเราไปเจาะที่ห้องบริจาคเกล็ดเลือดมาแล้ว มาที่ห้องนี้ก็ไม่ต้องเจาะอีก ในห้องนี้เราก็จะได้ยา จากนั้นเมื่อพบแพทย์เสร็จ (จะได้ยาบำรุงโลหิตด้วยจะมีประมาณ 50 เม็ด) ก็ไปลงทะเบียนประวัติที่เคาเตอร์หมายเลข 3 เป็นอันเสร็จในเบื่้องต้น
- ถ้าบริจาคโลหิต ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปกดบัตรคิวรอที่ชั้นสอง
- ถ้าบริจาคเกล็ดโลหิตก็ไปที่ห้องที่เราเจาะเลือดอีกครั้ง นำใบบริจาคและบัตรเข้าไปให้เจ้าหน้าที่
หากว่าบางครั้งความดันเราสูงเกินไป เช่นเกิน 150 mmHg ก็อาจจะต้องวัดความดันอีกครั้งเพราะการบริจาคเกล็ดเลือด ต้องใช้เวลานานถ้าผู้บริจาคมีความดันสูงเกินไป ก็อาจจะทำให้เป็นอันตรายเช่นช๊อคได้
เมื่อเข้าไปก็รอ ถ้าคิวว่างก็สามารถบริจาคได้เลย แต่ก่อนบริจาคก็ต้องกินยาแคลเซี่ยมก่อน 1 เม็ด เจ้าหน้าที่เค้าจะเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และอีกอย่างก่อนที่จะบริจาคเกล็ดโลหิต เราต้องเข้าห้องน้ำทำธุระอะไรให้เสร็จก่อน เพราะจะไม่สามารถลุกมาเข้าห้องน้ำได้ ต้องนอนบริจาคต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง ชั่วโมง 45 นาที
บรรยากาศภายในห้อง เข้าไปก็จะมีซ้ายขวาข้างละ 10 เตียง ปกติก็จะเต็มอยู่ตลอดครับ ครั้งนี้ผมได้เตียงในสุดเลย เดินไปๆ (หากใครกลัวนอนนานจะเบื่อก็สามารถหาหนังสือไปอ่านได้ครับ หรือจะพก Tablet เปิดดูข่าวก็ได้ ซึ่งข้างนอกก็มีบริการฟรี Wi-Fi ให้ผู้มาขอบริจาคไปขอรหัสได้ หรือถ้าไม่ได้เอาอะไรมา ภายในห้องก็จะมีโทรทัศน์ให้เราดู เสียบหูฟังฟังอย่างสบายใจ อิอิ
เมื่อไปถึงเตียงบริจาค ก็ขึ้นไปนอนได้เลยจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยจัดการให้ และมีผ้าห่มหนาๆให้สองผืน ใครจะขอเพิ่มก็ได้ เพราะในห้องนี่หนาว เจ้าหน้าที่เขาจะถามส่วนสูงและน้ำหนักจะเซ็ทเวลาตามสัดส่วนและสรีระของแต่ละคนซึ่งจะไม่เท่ากัน
ส่วนขั้นตอนที่เหลือ ผมคงไม่อธิบาย เพราะมันก็เยอะคุณพยาบาลเค้าเป็นคนจัดการให้หมด อีกอย่างกลัวอธิบายไปเดี๋ยวผิดอีก แฮะๆ เพราะศัพท์ทางการแพทย์นี่มันก็เรียกยากเหมือนกัน งั้นมาดูรูปกันดีกว่า
เข็มที่เจาะที่ข้อพับแขนจะมีแค่ 1 เข็ม จะเห็นว่าสายจะเยอะกว่าการบริจาคเลือดธรรมดา ส่วนตอนเจาะก็ไม่เจ็บครับ จี๊ดเดียวเหมือนมดกัด ( หากใครต้องการฉีดยาชาก็สามารถให้พยาบาลฉีดให้ได้ครับ ) ที่สายยางจะแยกออกเป็นสองทาง ทางหนึ่งเอาเลือดออกจากร่างกาย อีกทางผสมกับน้ำยาใสๆ ฉีดกลับเข้าร่างกาย สลับกันไป ประมาณครั้งละ 3 นาที
หากเครื่องดูดเลือดออกสายที่รัดตรงต้นแขน (คล้ายๆกับสายวัดความดันจะรัดแน่นขึ้น) เราต้องบีบมือมากๆ เพื่อให้เลือดออกไปให้มากที่สุด ประมาณ 3 นาทีผ่านไป สายรัดข้อแขนจะคลายออกเอง เมื่อมันคลายเราก็ไม่ต้องบีบมือ ปล่อยให้เครื่องคืนเลือดเข้าตัวเราอีก 3 นาที
มีทีวีให้นอนดูขณะบริจาคด้วย มีหูฟังเสียบฟังคนเดียวไม่รบกวนชาวบ้าน 55
จากนั้นก็ไปพักก่อนในห้องที่จัดไว้ ซึ่งส่วนมากหลังบริจาคเสร็จทุกคนต้องเดินปรี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน แหมนอนนิ่งอยู่ชั่วโมงกว่าก็ต้องปวดเป็นธรรมดา 55 ระหว่างนั่งพักก็จะมีอาหารว่างให้เราทานด้วย
เมื่อเห็นว่าเรารู้สึกสบายไม่เป็นอะไรแล้ว ก็เอาสายรัดออก จะมีเจ้าหน้าที่ค่อยทำแผลให้ แล้วก็ติดพลาสเตอร์ยาให้เรา เห็นไหมละครับ ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยมาช่วยกันบริจาคเยอะๆ ถ้าใครยังไม่เคยก็ต้องเริ่มที่บริจาคโลหิตก่อน จากนั้นก็ค่อยมาดูว่าเราสามารถที่จะบริจาคเกล็ดโลหิตได้ไหม อย่าลืมนะครับ เลือดของเราน้อยนิดสามารถที่จะช่วยเพื่อนมนุษย์ได้อีกหลายๆคนครับ
เพิ่มเติม
ประโยชน์ของเกล็ดเลือด ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ ดังนี้
- ผู้ป่วย โรค Leukemia โดยจะต้องรับเกล็ดเลือดสัปดาห์ละ 2ครั้ง ถึงวันเว้นวันขึ้นกับอาการโรค
- ผู้ป่วย Dengue fever (ไข้เลือดออก) จะใช้เกล็ดเลือดเวลาที่มีเลือดออกมาก
- ผู้ป่วยมะเร็ง
- DIC
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia )ในโรคอื่นๆ
- โรคเลือดอื่นๆ
- Aplastic anamia
- ผู้ป่วย โรค Leukemia โดยจะต้องรับเกล็ดเลือดสัปดาห์ละ 2ครั้ง ถึงวันเว้นวันขึ้นกับอาการโรค
- ผู้ป่วย Dengue fever (ไข้เลือดออก) จะใช้เกล็ดเลือดเวลาที่มีเลือดออกมาก
- ผู้ป่วยมะเร็ง
- DIC
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia )ในโรคอื่นๆ
- โรคเลือดอื่นๆ
- Aplastic anamia
หากต้องการข้อมูลเพิ่มว่า เอ๊ะเราบริจาคได้ไหม,ไปบริจาคที่ไหนได้บ้าง หรือคำถามอื่รๆก็สามารถติดต่อไปที่ 02-263-9600-99 ต่อ 1143 หรือ http://www.redcross.or.th
วัน เวลาทำการบริจาคเกล็ดโลหิต
*นัดหมายการบริจาคเกล็ดโลหิต หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2263 9600 ต่อ 1143,1144
วัน เวลาทำการบริจาคเกล็ดโลหิต
- จันทร์,พุธ,ศุกร์ เวลา 08.30 - 15.00 น.
- อังคาร,พฤหัสบดี เวลา 07.30 - 17.00 น.
- เสาร์, อาทิตย์ เวลา 08.30 - 11.30 น.
*นัดหมายการบริจาคเกล็ดโลหิต หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2263 9600 ต่อ 1143,1144
อีกนิด
เจ้าหน้าที่บอกว่า อุปกรณ์ 1ชุดของการบริจากเกล็ดเลือด มีราคาเกือบประมาณ 5000-7000 บาท ทุกอย่างใช้ครั้งเดียวทิ้ง ถ้าเกร็ดเลือดเราที่บริจาคไปแล้วมันดันใช้ไม่ได้หลังบริจาคและตรวจสอบ อุปกรณ์พวกนั้นต้องทิ้งไปทั้งชุดเลยครับ
3 กุมภาพันธ์ 2557
ขอ update หน่อยครับ
1. เดือนที่ผ่านมา พอดีเจ้าหน้าที่เค้าได้แจกเวลาทำการของห้องบริจาคพลาสมาและเกล็ดโลหิตมา เพราะเค้าแจ้งว่าบางคนตั้งใจไปบริจาคเกล็ดโลหิต แต่ไปเวลาที่เค้าจะปิดแล้ว เค้าจึงทำมาให้ดูครับ ว่าวันไหนรับคนสุดท้าย เวลาเท่าไหร
2. ตอนนี้ผ่านครั้งที่ 24 มาแล้วได้เข็มมาด้วยครับ ตอนนี้เป็นครั้งที่ 25 สาเหตุที่ช้าเพราะตอนนั้น ไปบริจาคเลือดซะหลายครั้ง เลยต้องเว้นครั้งละ 3 เดือนครับ เพราะช่วงนั้นเค้าบอกว่าเลือดกำลังขาดเลยตัดสินใจบริจาคเลือดไปก่อน
หมายเหตุ : หากข้อความช่วงไหนไม่ถูกต้อง ก็ต้องขออภัยด้วยครับ3 กุมภาพันธ์ 2557
ขอ update หน่อยครับ
1. เดือนที่ผ่านมา พอดีเจ้าหน้าที่เค้าได้แจกเวลาทำการของห้องบริจาคพลาสมาและเกล็ดโลหิตมา เพราะเค้าแจ้งว่าบางคนตั้งใจไปบริจาคเกล็ดโลหิต แต่ไปเวลาที่เค้าจะปิดแล้ว เค้าจึงทำมาให้ดูครับ ว่าวันไหนรับคนสุดท้าย เวลาเท่าไหร
2. ตอนนี้ผ่านครั้งที่ 24 มาแล้วได้เข็มมาด้วยครับ ตอนนี้เป็นครั้งที่ 25 สาเหตุที่ช้าเพราะตอนนั้น ไปบริจาคเลือดซะหลายครั้ง เลยต้องเว้นครั้งละ 3 เดือนครับ เพราะช่วงนั้นเค้าบอกว่าเลือดกำลังขาดเลยตัดสินใจบริจาคเลือดไปก่อน
ขอบคุณผู้บริจาคทุกท่านค่ะ คุณพ่อ เพิ่งรับบริจาคเกร็ดเลือด เพิ่งรู้ว่าค่าใช่จ่ายสูงมากมาก จะได้ร่วมสมทบค่าใช้จ่ายตลอดไป เสียดายที่ตัวเองสุขภาพไม่ดี ไม่สามารถบริจาคได้ มีเพียงน้องสาวที่บริจาคโลหิต มาต่อเนื่อง
ตอบลบขอให้คุณพ่อหายไวๆนะครับ
ลบขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ผมก็บริจาคเกล็ดโลหิตต่อเนื่อง
ตอบลบแต่ไม่เคยทราบเลยว่าเอาไปทำอะไร
น่าจะมีกฏหมายบังคับให้คนบริจาคเลือดเนอะ จะได้ช่วยผู้ป่วยได้มากขึ้นน่ะครับ
ยินดีครับ แต่เรื่องที่ว่ามีกฎหมายบังคับ คงยังไม่ถึงขนาดนั้น เราเอาแค่เราสบายใจที่ได้ช่วยคนอื่น การไปบังคับกันแบบนั้นคงไม่ได้บุญทั้งคนให้ ส่วนคนรับถ้ารู้เค้าก็คงไม่สบายใจครับ (แต่ที่เห็นด้วยอยากให้บังคับพวกที่ทำผิด ให้รับโทษนอกจากติดคุกแล้ว ผู้ที่ร่างกายสามารถบริจาคได้ ต้องบริจาคเลือดประจำ จนกว่าจะครบกี่ปีก็ว่าไป )
ลบได้ความรู้เยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ปกติบริจาคเลือดธรรมดาๆเท่านั้น ถ้ามีโอกาสจะขอลองบริจาคเกร็ดเลือดดูสักครั้งในชิวิตนะคะ
ตอบลบยินดีครับผม
ลบขอบคุณสำหรับความรู้ครับ แต่"เกล็ดเลือด"สะกดแบบนี้นะครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ บางคำที่พิมพ์ผิดว่าเกร็ด ผมแก้เป็น เกล็ดเลือด หมดแล้วครับ
ลบขอบคุณมากครับผมบริจาคโลหิตมาแล้ว44ครั้งกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะบริจาคเกล็ดเลือดดีมั้ยครั้งล่าสุดก้อเมื่อวันพ่อนี่เองต้องคอยไปอีก3เดือนละสิ ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยให้ผมตัดสินใจเร็วขึ้น
ตอบลบยินดีมากครับ
ตอบลบผมได้บริจาคมา สามสิบกว่าครั้งตั้งใจเมื่อครบ ครั้งที่ 36 แล้วจะเริ่มบริจาค. นอกจากจุดรับบริจาคแล้วในส่วนของโรงพยาบาลแต่ละจังหวัด มีระบบการรับบริจาคเกล็ดเลือดไหมครับ
ตอบลบที่ถามผมเดินทางบ่อยเผื่อสะดวกเรื่องเวลาและสถานที่. จะได้ บริจาค ตามพิกัดนั้นๆ
เกล็ดเลือด จะไม่ไม่กี่ที่ครับ เพราะมันเก็บได้ไม่นานเหมือนเลือด ต้องไปอย่างที่สภากาชาดไทย ที่นี่บริจาคได้แน่นอน ส่วนต่างจังหวัด โรงพยาบาลเล็กๆ ก็ไม่มีเหมือนกัน
ลบขอบคุณมากๆนะคะ
ตอบลบสำหรับการแบ่งปันข้อมูลอย่างละเอียดมาก
มีภาพประกอบอีกด้วย ����
คือหนูบริจาคแต่โลหิตทั่วไป
ตอนกรอกประวัติเห็นมีช่องให้เลือกบริจาคอะไร?
สงสัยมานานแล้ววันนี้ลองค้นหาข้อมูลดู
ยินดีครับผม เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตอนอยู่ กทม ผมบริจาคบ่อย แต่ตอนนี้ย้ายมาต่างจังหวัด เขาไม่ค่อยต้องการเร่งด่วนเหมือนที่กาชาดใหญ่ และมันเก็บได้เวลาสั้นๆ เลยต้องบริจาคเลือดธรรมดาแทน ทุก 3 เดือนเหมือนเดิมครับ
ลบ